เมื่อวานที่ 22 สมาชิกทางเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า จตุรงค์ สุขเอียด ได้มีการโพสต์ข้อความขึ้นว่า แม่บ้านผมถาม พระธัมมชโย ผิดตรงไหน ทำไม จึงเป็นเรื่องมาตลอดหลายปีสมัยก่อนปี2513 หลังพระธัมมชโยไป ตั้งศูนย์ปฎิบัติธรรมเล็กๆที่คลองหลวงบนที่ดินบริจาค ก็สงบดี เป็นศูนย์ฝึกจิตอบรมการนั่งสมาธิแบบวัดปากน้ำ ตามแนวของหลวงพ่อสดปี2517นั้น มีข่าว นสพ.มติชน คนของวัดเอาจอบตีหัวชาวบ้านที่ขัดขวางการกว้านซื้อที่ดินเพิ่ม แต่ก็เป็นคดีเล็กๆปี2540วัดขยายใหญ่ขึ้นมาก มีการระดมคนเข้าวัดมาก ไปนั่งสมาธิ เข้าสู่ศูนย์กลางกายฐานที่7คือบริเวณในกายเหนือสะดือ สะกดจิตให้เพ่งอยู่ในนั้น เรียกว่า วิชาธรรมกายวัดเริ่มโฆษณาบุญแบบแชร์ลูกโซ่ มีการสร้างกิจกรรมหมู่ ชื่อ อัศจรรย์ตะวันแก้ว คือการเอาคนจำนวนมากไปเพ่งดวงตะวันก่อนตกดิน แล้วบันทึกภาพ สร้างปาฎิหาริย์หลวงพ่อสด ทำให้ตาคนมองทะลุดวงอาทิตย์ได้ เผยแพร่ไป ทั่วชิตังเม ชิตังเม เป็นคำขานถ้าใครได้เห็นดวงตะวันแก้วแล้ว หากไม่ ก็คือคนบาปหนาบุญน้อย ทำให้ทุกครั้งคนจึงกล้วเป็นแกะดำ จึงบอกว่า ฉันเห็นแล้วๆๆ ชิตังเม ๆ สาธุพร้อมกันก็สร้างพระคะแนน เป็นพระเครื่องที่คิดเองทำเอง ขึ้นมาขายผู้ศรัทธา องค์ละพันถึงหมื่นและหลายๆหมื่น มีบัตรสะสมบุญ และจัดอันดับชั้นบุญ บุญมากก็อยู่แถวหน้าๆคนจึงชักชวนกันมาทำบุญมาก คนชวนได้มากก็ได้ บัตรพระคะแนนพิเศษ ทางวัดสอนว่า การเสียสละเป็นทานอันยิ่งใหญ่ ประตูนิพพานจะเปิดรับก่อนคนตระหนี่ทุกๆวันอาทิตย์จึงทำกิจกรรมบุญขึ้นมาเป็นการภายใน ทั้งการกวนข้าวทิพย์ถวายพระพุทธเจ้าคนที่จะนำข้าวทิพย์ไปถวายก็มีเพียงยายชีจันทร์ ขนนกยูงและพระธัมมชโยเท่านั้นมีกิจกรรมพุทธประเพณี มีการสร้างสถานที่ ประดับประดา ให้ดูดุจวิมานของผู้มีบุญมากกว่า ไปทำบุญตามวัดสกปรก ทั่วไปที่นี่ จึงไม่มีสุนัข ขอทาน ไม่มีคนมานอน ไม่มีการขายหวยและกิจกรรมที่ไปเห็นที่วัดอื่น ที่ไม่สบายตาวัดธรรมกาย จึงเป็นวัดเฉพาะผู้มีบุญในแบบของเขาหากถามว่า ผิดหรือไม่ก็ไม่มีผิดอะไร ตรงไหนเพราะวัดเป็นที่ทำบุญ วัดพระธรรมกายก็เช่นกัน แต่มากน้อยก็แล้วแต่กำลังศรัทธามาวัดเมื่อได้ฟังเทศน์หรือฟังเรื่องเล่าจากพระธัมมชโยแล้วสบายใจก็ได้บุญในความนึกคิดเหมือนๆกันจนมีการหักดิบคำสอนที่ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ เดิม พระในฝ่ายเถรวาทคือพระแบบในไทย ทั้งธรรมยุติและมหานิกาย สอนว่า ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นความไม่มีตัวไม่มีตัวตนธรรมกาย สอนแย้ง ว่า นิจจัง สุุขขัง อัตตา จึงจะเป็นสุขที่แท้จริง คือ หมายถึง ความเที่ยงแท้มีอยู่ เป็นความสุข มีตัวมีตนทำให้เกิดพระสงฆ์และนักศาสนาออกมาตอบโต้อย่่างหนัก ฐาน บิดเบือน และตั้งตนเป็นศาสดาจึงให้เอาโทษพระธัมมชโยและพระที่สอนแบบนี้ทะเลาะกันจน มีข่าว ว่า พระแตกแยกกันหนัก (ผมตามทำข่าว)ที่สุดก็มีข่าว ว่า มีลายพระลิขิต ของสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่19 กรณี สอนแปลกแยก สร้างความแตกแยกในหมู่สงฆ์เป็นอนันตริยกรรม แต่ก็ไม่ได้รับการปฎิบัติ เพราะกล่าวว่าของปลอมคำถาม ว่า พระธัมมชโย ผิดอะไร ก็ตอบย้อนแย้ง ว่า เมื่อพระศาสดา ปรินิพพาน ล่วง2560ปีแล้ว แล้วมีผู้พบหลังจากนั้นว่า มีศาสนาพุทธ ใครจะตอบว่า จริงๆคือ อะไรพระบางสำนัก จึงยึด ว่า สอนอะไรแล้วทำให้คนสบายใจ พ้นทุกข์ได้ ไม่ว่า จะชั่วขณะจิต ก็เป็นของดีเปรียบเสมือน ศิลปิน ที่กล่อมเกลาคนได้เพียงชั่วยาม ก็นับเป็นของดับทุกข์ สร้างสุขได้นี่ทำให้ กว่า40ปี จึงไม่มีใครดับทิฐิของวัดพระธรรมกายได้ ขณะที่ผู้ศรัทธาก็เต็มใจ แม้จะมีบางส่วนที่เป็นทุกข์เพราะเสียรู้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดสิ่งที่ชาวพุทธห่วง คือ หากไม่หยุด แนวทางวัดพระธรรมกาย นานไป คนจะใช้เงินซื้อบุญมากกว่า เหมือนเติมเงินมือถือ ไม่ได้ ใช้ใจไปหาความสุข จากความเข้าใจในกฎของธรรมชาติจริง ว่า มนุษย์ เกิด แล้ว แก่ แล้วเจ็บแล้วก็ตาย สุขเกิดจากจิตที่สมถะ สงบ และเมตตาจนมีคดีทางโลก คือนักธุรกิจ ได้นำเงินมหึมาของสมาชิกสหกรณ์ฯไปมอบให้ พระธัมมชโย สมาชิกเสียเงิน จึงเป็นผู้เสียหาย จากการถูกโกง เส้นทางการเงินจึงไปสิ้นสุดที่พระไชยบูลย์ หรือพระธัมมชโย จึงมีข้อหารับของโจรคำถาม คือ คนทำบุญเอาหน้า ไม่น้อย มักจะตั้งใจมอบให้กับตัวบุคคล มากกว่าวัดหรือมูลนิธิ เพราะคิดว่า เขาศรัทธาบุคคล ไม่ใช่สถานที่หรือองค์กร นิติบุคคลนี่จึงเป็นปัญหาที่จะสอนให้คนเข้าใจ ว่า ศรัทธาในตัวบุคคล ย่อมนำความเสื่อมมาสู่บุคคล แต่หากศรัทธาในหลักธรรมคำสอน แม้วัดพระธรรมกายหรือวัดไหน เจ้าอาวาส มรณะภาพไป วัดก็จะยังคงเจริญต่อไป ได้เธอ จึงเข้าใจว่า ดีเอสไอ ออกหมายจับ เพราะอะไร เพราะไม่มาตามหมายเรียก2หน อาจจะไม่ผิดก็เป็นได้ ผมขอแบ่งปันด้วยใจเป็นกลางๆ เพราะวัดบางแห่งเสมือนบ่อนการพนัน ไม่ได้ไปกระชากคอเข้าไปก็ไม่ผิดอะไร จะผิดจะถูกก็อยู่ที่คนผู้นั้นเข้าไปทำไม นั่นเองครับ สาธุ ที่อ่านมาจนบรรทัดนี้นะครับ ถือว่า อดทนมากๆ
Cr : http://www.thaijam.com/45823