จากกรณีนายสุเทพ โภชน์สมบูรณ์ อายุ 50 ปี อาชีพวิศวกร ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นจนทำให้กระสุนปืนไปถูกนายนวพล ผึ่งผาย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ เข้าที่บริเวณใต้ราวนมซ้าย ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา สืบเนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเช่ารถตู้มาเที่ยวแล้วจอดซื้อของ ซึ่งจอดขวางรถของนายสุเทพ จนเกิดปากเสียงกัน และมีการขับรถตามกัน กระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าเป็นการป้องกันตัวที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ นั้น
ด้านผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ “สารวัตรเอก หุ่น” ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ผมคิดแบบนี้ วิศวกรนั่งในรถ หลังจากหนีและหลีกเลี่ยงเหตุปะทะมาตลอด (ตามวิสัยของคนมีปืนถูกกฎหมาย และได้เคยฝึกมา ไม่มีใครอยากยิงปืนตัวเองในที่สาธารณะ ถ้าไม่ร้ายแรงถึงชีวิตจริงๆ)การนั่งในรถเป็นมุมอับที่หนีไม่ได้ ทั้งยังโดนจอดรถปะกบหน้าหลัง มีกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี วิ่งกรูกันเข้ามาล้อมทั้งคัน คนนั่งในรถมุมยิงกดมันไม่มี คนรุมกันเข้ามาก็ไม่อาจคาดเดาว่ามีอาวุธอะไรมาบ้าง ถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้ จะมีช่องยิงก็ที่ระดับอก ทาบระดับเดียวกับหน้าต่างรถเท่านั้น ยิงขาคงไม่มีโอกาสแน่
กรณีถ้าเล็งแขน(สมมุติเล็งได้อย่างทนายบางท่านแนะ) เป้าเคลื่อนที่ไปมา ไม่ได้หยุดนิ่ง มีโอกาสยิงไม่โดนแขน ก็จะพลาดไปโดนตัวอยู่ดี ถ้าไม่โดนทั้งแขนทั้งตัวคราวนี้หลุดไปโดนผู้บริสุทธ์เบื้องหลังแน่นอน เพราะที่เกิดเหตุมีรถและคนมากมาย และการยิงพลาด นั่นหมายถึงต้องยิงซ้ำนัดที่ 2-3-4-5การยิงสุ่มเพียง 1 นัด ระหว่างโดนรุมยำ ไม่มีใครหวังให้ตาย เหยื่อเพียงหวังก็เพื่อหยุดยั้งภัยร้ายแรงที่เข้าถึงตัวแล้ว อย่างจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้ตนและครอบครัวปลอดภัย และต้องชี้ไปที่เป้าหมายใหญ่เพื่อให้เหตุการซึ่งหน้าหยุด และไม่ให้กระสุนพลาดไปโดนผู้ไม่เกี่ยวข้อง
คนครองปืนอย่างถูกกฎหมายทุกคน ต้องใส่ใจเคสนี้อย่างจริงจัง เพราะมันเกิดกับใครก็ได้ ถ้าไม่รักษาชีวิตเราจะซื้อปืนถูกกฎหมายไว้ทำไมมีปืนแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี ปืนมันคือทรัพย์สิน ที่ใช้ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของเรา และเป็นสิ่งที่ต้องใช้ ในโอกาสสุดท้าย ที่ยังมีชีวิตเท่านั้น หากเราถูกฆ่าตายแล้ว มีปืนไม่ยิงก็ไร้ประโยชน์ จำไว้ครับ “เดินขึ้นสู้ในศาล ดีกว่าถูกหามขึ้นศาลา”
Cr : http://www.siamdrama.com/view-5006.html