“พ่อ อย่าตีแม่เลย หนูไปแล้วก็ได้..” นี่เป็นข้อความสุดท้ายจากลูกสาววัย 12 ปีของเขา
ในช่วงทศวรรษที่ 21 ประชากรส่วนใหญ่ของเมืองจีนเริ่มทยอยโยกย้ายถิ่นฐานเข้าไปอาศัยในตัวเมือง หรือตามเมืองที่มีความเจริญกว่า เพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และครอบครัวของนาย หวังต้าหนา ก็เป็นหนึ่งในครอบครัวที่ได้อพยพเข้ามาเช่นเดียวกัน
วันที่ 1 มิถุนายน ปี 2008 ถือเป็นวันเด็กสากล ซึ่งเป็นวันที่เด็ก ๆ ทั่วประเทศรอคอยกัน ในวันนี้เด็ก ๆ ทุกคนจะไปรวมตัวกันตามบ้านหรือโรงเรียน เต็มไปด้วยรอยยิ้มเสียงหัวเราะ แต่ยังมีเด็กหญิงวัย 12 ปีคนหนึ่ง ที่กำลังยืนแอบร้องไห้อยู่ในมุมหนึ่ง เธอเพิ่งซักผ้าให้พ่อของเธอเสร็จ ตามตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยแผล ที่เกิดจากการถูกฟาดด้วยเข็มขัดหนัง จนมีเลือดซึมออกทั่วทั้งตัว
ในขณะเดียวกัน เสียงร้องไห้โหยหวนดังจากบ้านของเด็กหญิงคนนั้น เสียงนั้นมาจากแม่ของเด็กชื่อ หลี่เสี่ยวหง ทุกครั้งหลังจากที่นาย หวังต้าหนา ทำร้ายลูกสาว เขาก็จะมาทำร้ายร่างกายแม่ของเธอต่อ เราไม่รู้เลยว่าชีวิตที่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้นานถึง 12 ปี จะรู้สึกทรมานขนาดไหน หลังจากที่นายหวังทุบตีภรรยาจนพอใจ ก็เดินไปตรงหน้าของลูกสาว และตบหน้าลูกสาวไปอีกที เขาพูดว่า “ทำตัวให้ดี ๆ หน่อย เชื่อฟังฉัน ถ้าสั่งให้ทำอะไรก็ต้องรีบทำ ถ้าไม่เชื่อฟัง เดี๋ยวจะตีให้ตาย”
นางหลี่พยายามคลานจากอีกฝั่งของห้องรับแขกมาหาลูกสาวของเธอ เธอทั้งเกลียดและโกรธสามีของเธอ เธอโมโหตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกสาวได้ เธอเอื้อมมือไปจับที่ใบหน้าของลูกสาวแล้วพูดว่า “ลูกจ๋า แม่ขอโทษด้วย แม่ไม่ดีเอง แม่สมควรตาย…” พอพูดจบเธอก็เป็นลมหมดสติไป เมื่อลูกสาวเห็นจึงตะโกนเรียกแม่ให้ตื่น เสียงร้องไห้กับเสียงตะโกนของเธอดังไปถึงบ้านของลุงซุนที่อยู่ในตึกเดียวกัน ทันทีที่ลุงได้ยินก็เรียกภรรยาและลูก ๆ ให้มาช่วย เมื่อไปถึงได้เคาะประตูเรียก แต่ไม่มีใครเปิด มีแต่เพียงเสียงร้องไห้ของเด็กสาวดังออกมาเท่านั้น ลุงซุนจึงให้ลูกชายพังประตูเข้าไป ทันทีที่พังเข้าไปทุกคนที่เห็นสภาพในบ้านหลังนี้ถึงกับอึ้ง ป้า(ภรรยาของลุงซุน) ถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสาร
ป้าและลุงสนิทกับสองแม่ลูกนี้มาก ทันทีที่ทุกคนเข้าไปถึงในบ้าน ป้าก็ปลุกแม่ของเด็กสาว “อาหลี่ ตื่น!!!” แต่แม่ของเด็กสาวก็ยังไม่ได้สติ ทุกคนจึงหันไปถามเรื่องราวจากหนูน้อยคนนี้ เด็กสาวรีบโผกอดป้าพร้อมกับพูดว่า “หนูไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว หนูกลัว” ทางป้าเห็นเช่นนั้นก็อดสงสารไม่ได้ ลูกชายของลุงซุนจึงรีบหยิบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลมารับแม่ของเด็กสาวไป
ที่โรงพยาบาล นายหวังได้รับสายจากลุงซุน เขาถูกลุงซุนตำหนิอยู่นาน นายหวังค่อนข้างจะเกรงใจจึงไม่ได้โต้ตอบอะไร หลังจากทางบ้านลุงซุนจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ นายหวังก็ยังมองไปที่ภรรยาอย่างเย็นชา ใบหน้ายังแฝงไปด้วยความสะใจ และสายตาของเขาก็มองไปยังเด็กสาว เด็กสาวรู้สึกกลัวมาก แม่จึงพยายามพูดปลอบใจเธอ
พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดี ทั้งสองก็กลับมาที่บ้าน คืนนั้น นายหวัง กลับมาบ้านด้วยกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งทั่วทั้งตัว ทันทีที่เห็นภรรยากับลูกสาว เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เขาโยนเก้าอี้ไปที่ภรรยา ในตอนนั้นทั้งสองคนไม่ทันได้ระวังจึงหลบไม่ทัน ภรรยาถูกเก้าอี้กระแทกจนหมดสติ เขายังคงโมโห จึงตีเธอด้วยเข็มขัดต่อ จนมีเลือดซึมออกตามตัว เมื่อลูกสาวได้สติจึงรีบร้องห้ามให้พ่อของเธอหยุด แต่ด้วยร่างกายบอบบางของเธอ ทำให้โดนพ่อของเธอเตะกระเด็นออกไป จนเธอได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกจากปาก เด็กสาวมองดูภาพตรงหน้าที่พ่อกำลังทำร้ายแม่อย่างทารุณ จึงพูดว่า “พ่อ อย่าตีแม่เลย หนูขอออกไปจากบ้านนี้เอง” หลังจากพูดจบ พ่อของเธอยังคงไม่หยุดทำร้ายร่างกายภรรยา เหมือนกับว่ามองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เขาทุบตีภรรยาจนเหนื่อย และล้มตัวลงนอนบนโซฟา โดยไม่ทันได้สนใจลูกสาว…
วันต่อมา หลังจากที่นายหวังตื่นขึ้น ก็พบว่าภรรยาของเขายังอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยน เขาจึงใช้ขาถีบไปที่ภรรยา แต่ไม่มีการตอบสนองกลับมา เขาจึงตัดสินใจเอามือไปวางที่จมูกเพื่อดูว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าเธอตายเสียแล้ว! ทำให้เขาทั้งกลัวทั้งเสียใจ ขณะที่กำลังพยายามจะหลบหนี ก็หันไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนว่า “พ่อ หนูขอร้องอย่าทำร้ายแม่อีกเลย หนูรู้ว่าพ่อไม่เคยรักหนูเลย ต่อไปนี้หนูจะไม่กลับมาที่บ้านนี้อีก จากลูกที่พ่อเกลียด”
หลังจากที่นายหวังอ่านจดหมายนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างพังทลาย ความรู้สึกที่เคยเกลียดก็เปลี่ยนเป็นความเสียใจ…. ขณะที่นายหวังกำลังนั่งร้องไห้อยู่ คุณลุงชุนก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อมองเห็นว่าแม่ของเด็กสาวนอนหมดสติอยู่ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจทันที… หลังจากนั้นนายหวังก็ถูกจับกุม และติดคุกในข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายร่างกาย….
Cr : http://www.zliekr.com/10614/